เสริมคางสร้างมิติให้ใบหน้า

เสริมคางสร้างมิติให้ใบหน้า แก้ปัญหาหน้ากลม

การเสริมคาง หรือ การทำคาง เริ่มเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่สาวๆ โดยเฉพาะสาวไทยอย่างเราๆ ที่มีรูปหน้าที่ค่อนข้างละมุน โค้งมน โครงสร้างของใบหน้าดูไม่ชัดเจน ดูกลม และออกไปทางจิ้มลิ้ม น่ารักมากกว่าคมสวย แต่ด้วยเทรนด์ความงามที่กำลังมา โครงหน้าที่ได้รูป มีสัดส่วนใบหน้าที่คมชัดได้รับความนิยมขึ้นอย่างรวดเร็ว การเสริมคางจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สาวๆ มีรูปหน้าตรงใจ ได้สัดส่วนอย่างที่ต้องการ


ลองเช็กดูง่ายๆ คุณควรเสริมคางไหม โดยใช้ “สัดส่วนทองคำ”
จุดประสงค์หลักๆ ของการเสริมคางก็คือการทำให้รูปหน้าได้รูปมากขึ้น เป็นสัดส่วนดูมีมิติ แม้จะมองหน้าตรงก็ตาม แต่จะรู้ได้อย่างไรว่ารูปหน้าแบบไหนที่เรียกว่าได้สัดส่วน? เรื่องนี้คงต้องอาศัยหลักการคลาสสิคอย่าง “สัดส่วนทองคำของใบหน้า” แล้วล่ะค่ะ

ขั้นตอนแรก ในการเช็กสัดส่วนใบหน้าของคุณให้วัดความยาวจากแนวไรผมบนหน้าผากลงมาจนถึงระหว่างหัวคิ้ว จดตัวเลขที่ได้ไว้ก่อน แล้วมาวัดจากหัวคิ้ว ลงไปจนถึงปลายจมูก และตัวเลขสุดท้าย วัดจากปลายจมูกตรงลงมาจรดปลายคาง หากตัวเลขทั้ง 3 ตัวที่วัดได้ อยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (1:1:1) ก็ถือว่าคุณมีสัดส่วนรูปหน้าที่ได้รูปสวยงามดีแล้ว แต่ถ้าหากใบหน้าด้านล่างของคุณสั้นเกินไปแล้วล่ะก็ ถึงเวลาพิจารณาเข้ารับการเสริมคางแล้ว

เลือกเทคนิคการเสริมคางที่แมทช์กับความต้องการของคุณ

ในปัจจุบันการเสริมคางสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดแบบแผลด้านนอกและการผ่าตัดแบบแผลด้านใน สาวๆ ควรศึกษาข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดเสริมคางทั้ง 2 รูปแบบ ร่วมกับการปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจตรงตามความคาดหวัง ฟื้นตัวไวไม่ขัดขวางไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

การเสริมคางเทคนิคแผลนอกใต้คาง
ข้อดี
⦁ ศัลยแพทย์สามารถเห็นตำแหน่งการวางซิลิโคนเสริมคางได้ชัดเจน กะระยะการวางได้แนบเนียน แม่นยำ
⦁ ลดโอกาสบาดเจ็บบนกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
⦁ ลดโอกาสติดเชื้อจากน้ำลายและเศษอาหาร
⦁ เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์และจำเป็นต้องขูดสารเหลวออกก่อน การผ่าตัดเสริมคางแผลนอกจะทำได้หมดจดมากกว่า
⦁ สามารถแก้ไขความเบี้ยวเอียงหลังการผ่าตัดได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย
⦁ เห็นรอยแผลใต้คางยาวประมาณ 2- 3 เซนติเมตร
⦁ ไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เป็นแผลคีลอยด์ง่าย
⦁ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำเป็นเวลา 7 วัน

การเสริมคางเทคนิคแผลใน
ข้อดี
⦁ ไม่มีรอยแผลให้เห็น
⦁ สามารถล้างหน้า ดูแลทำความสะอาดใบหน้าได้ปกติ
⦁ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เป็นรอยแผลเป็นง่าย

ข้อเสีย
⦁ การดูแลทำความสะอาดแผลต้องอาศัยความละเอียดอ่อน
⦁ มีโอกาสที่ซิลิโคนเสริมคางจะขยับเปลี่ยนที่ได้ง่าย
⦁ เนื่องจากพื้นที่ในการทำการผ่าตัดค่อนข้างแคบ ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทมีโอกาสบอบช้ำได้ง่าย มีเลือดออกมาก
⦁ มีรอยแผลเย็บติดกับร่องเหงือก หากต้องผ่าตัดทำการแก้ไข จะทำได้ยาก เนื่องจากแผลในปากเดิมค่อนข้างยาว และมีมากอยู่แล้ว

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมคาง

เมื่อตัดสินใจเข้ารับการเสริมคาง และได้ปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว ก่อนการผ่าตัดสาวๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง พยายามดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ รวมไปถึง วิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ก็ต้องงดไปก่อนด้วยเช่นกัน

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมคาง
⦁ ช่วง 1 – 3 วันหลังการผ่าตัดเสริมคาง ควรประคบเย็นบริเวณใต้คางและแก้มทั้งสองข้างเพื่อช่วยลดอาการบวม สามารถประคบได้บ่อยจะยิ่งส่งผลดี และหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นประคบร้อนจนกว่าจะถึงวันตัดไหม
⦁ หากเสริมคางแบบแผลใน ควรบ้วนปากทุกครั้งหลังการทานอาหาร เพื่อลดเศษอาหารที่จะเข้าไปติดบริเวณรอยแผล
⦁ นอนหมอนสูงใน 2 วันแรก และใช้หมอนล็อกคอ เพื่อลดโอกาสการกดทับแผลระหว่างนอนหลับ ช่วยให้ลดบวมได้ดีขึ้น
⦁ งดอาการรสจัด และหลีกเลี่ยงของหมักดอง ปลาดิบ อาหารทะเล อาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีความแข็งและเหนียว
⦁ งดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่หลังการผ่าตัดเสริมคาง 2 สัปดาห์
⦁ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ
⦁ ดื่มน้ำโดยใช้หลอด