แก้หน้าอกให้สวยกระชับ ปลอดภัย พร้อมแนะนำสถานที่และเช็คราคาล่าสุด
เสริมหน้าอกมาแล้ว แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด? หน้าอกหย่อนคล้อย ทรงผิดรูป หรือซิลิโคนแข็งเป็นก้อน ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจและต้องการแก้ไขให้กลับมาสวยกระชับอีกครั้ง
การ แก้หน้าอก ไม่ใช่แค่เรื่องของความงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยด้วย ดังนั้น การเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ สาเหตุที่ต้องแก้หน้าอก วิธีแก้ไข เทคนิคที่เหมาะสม รวมถึงเช็คราคาล่าสุด พร้อมแนะนำสถานที่ศัลยกรรมที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด
แก้หน้าอกคืออะไร? จำเป็นต้องทำหรือไม่?
การแก้หน้าอก (Breast Revision Surgery) คือการผ่าตัดเพื่อปรับแก้ไขทรวงอกที่เคยเสริมมาหรือเคยผ่านการศัลยกรรมมาก่อน ให้มีรูปทรงที่สวยงามและเหมาะสมกับร่างกายมากขึ้น โดยอาจเป็นการเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ ปรับขนาดทรวงอก หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการศัลยกรรมครั้งก่อน
การแก้หน้าอกไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพของร่างกายอีกด้วย หากพบว่าหน้าอกมีปัญหา เช่น ซิลิโคนผิดรูป, หน้าอกแข็งเป็นพังผืด, ซิลิโคนรั่วซึม, ทรงหน้าอกไม่สมดุล หรือเกิดอาการปวดและอักเสบ การแก้ไขถือเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
จำเป็นต้องทำการแก้หน้าอกหรือไม่?
ไม่ใช่ทุกคนที่เสริมหน้าอกแล้วจำเป็นต้องแก้ไข แต่หากคุณพบปัญหาหลังเสริมหน้าอก เช่น
- หน้าอกหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
มักเกิดขึ้นจากแรงโน้มถ่วงหรืออายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ซิลิโคนไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม - หน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน
อาจเกิดจากเทคนิคการเสริมครั้งแรกที่ไม่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย - เกิดพังผืดรัดซิลิโคน (Capsular Contracture)
ทำให้หน้าอกแข็งผิดธรรมชาติและอาจเกิดความเจ็บปวด - ซิลิโคนเคลื่อนตัว หรือรั่วซึม
จำเป็นต้องแก้ไขโดยเปลี่ยนซิลิโคนใหม่เพื่อความปลอดภัย - ต้องการปรับขนาด หรือเปลี่ยนทรงหน้าอก
เช่น จากซิลิโคนทรงกลมเป็นทรงหยดน้ำ หรือปรับขนาดให้เหมาะสมกับรูปร่าง
- หน้าอกหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
หากคุณพบอาการเหล่านี้ การแก้หน้าอกเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของคุณในระยะยาว
การเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้หน้าอกให้สวยกระชับ และปลอดภัยที่สุด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสากล
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าควรแก้หน้าอก
การเสริมหน้าอกช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงหลายคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดปัญหาที่ทำให้จำเป็นต้องเข้ารับ การแก้หน้าอก เพื่อรักษาสุขภาพและความสวยงามของทรวงอก หากคุณมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ซิลิโคนเสื่อมสภาพหรือรั่วซึม
ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกแม้ว่าจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่ตลอดไป หากใช้ซิลิโคนมานานกว่า 10-15 ปี อาจเกิดการ เสื่อมสภาพ รั่วซึม หรือแตก ได้ โดยเฉพาะหากเป็นซิลิโคนรุ่นเก่าที่ไม่มีเทคโนโลยีป้องกันการรั่วซึม
อาการที่บ่งบอกว่าซิลิโคนรั่วซึม
- รู้สึกเจ็บตึงผิดปกติบริเวณเต้านม
- ขนาดหน้าอกลดลงหรือเปลี่ยนรูป
- คลำเจอก้อนแข็ง หรือหน้าอกดูผิดรูป
- มีอาการอักเสบหรือบวมแดง
- พังผืดรัดซิลิโคน (Capsular Contracture)
พังผืดรัดซิลิโคนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยหลังการเสริมหน้าอก เกิดจากการที่ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมาหุ้มซิลิโคน หากพังผืดมีการหดรัดตัวมากเกินไป จะทำให้หน้าอกแข็งผิดปกติ และรู้สึกเจ็บตึง
ระดับของพังผืดรัดซิลิโคน
- ระดับ 1: หน้าอกนุ่มและดูเป็นธรรมชาติ
- ระดับ 2: หน้าอกเริ่มแข็งขึ้นเล็กน้อย
- ระดับ 3: หน้าอกแข็งและเริ่มผิดรูป
- ระดับ 4: หน้าอกแข็งมาก เจ็บตึง และผิดรูปชัดเจน
- ซิลิโคนเคลื่อนตำแหน่ง หรือผิดรูป
การเสริมหน้าอกที่ไม่ได้คุณภาพ หรือเกิดจากพฤติกรรมหลังผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ซิลิโคน เคลื่อนตัวไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้หน้าอกผิดรูป ไม่สมมาตร หรือมีปัญหาเต้านมสองข้างไม่เท่ากัน
ปัจจัยที่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัว
- การใช้ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เกินไป
- วางซิลิโคนไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
- การออกแรงกดหรือกระแทกหน้าอกแรงๆ หลังการผ่าตัด
- หน้าอกหย่อนคล้อยหลังเสริมซิลิโคน
แม้ว่าการเสริมซิลิโคนจะช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึงขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงโน้มถ่วงและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น น้ำหนักขึ้น-ลง หรือการตั้งครรภ์ อาจทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้ - ขนาดหรือรูปทรงของหน้าอกไม่ตรงกับความต้องการ
บางคนอาจเสริมหน้าอกไปแล้ว แต่รู้สึกว่า ขนาดใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป เมื่อเทียบกับรูปร่าง หรือรูปทรงของซิลิโคนไม่เหมาะสมกับสัดส่วนของร่างกาย - มีอาการปวดหรืออักเสบเรื้อรัง
หากหลังการเสริมหน้าอกเกิดอาการ ปวด บวม แดง อักเสบเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน - ปัญหาสุขภาพหรือเหตุผลทางการแพทย์
บางคนอาจต้องแก้หน้าอกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ เช่น ซีสต์ เต้านมอักเสบ หรือเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง
คำแนะนำ
- หมั่นตรวจสอบความผิดปกติของหน้าอก อย่างสม่ำเสมอ
- เข้ารับการตรวจซิลิโคนเป็นประจำทุก 1-2 ปี
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
หากคุณกำลังมองหาศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการแก้หน้าอก ควรเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงกับความต้องการมากที่สุด
การแก้หน้าอก VS การเสริมหน้าอก แตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่า การแก้หน้าอก และ การเสริมหน้าอก แตกต่างกันอย่างไร เพราะทั้งสองอย่างล้วนเป็นการศัลยกรรมทรวงอก แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองมีวัตถุประสงค์ เทคนิค และกระบวนการที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
การเสริมหน้าอกคืออะไร?
การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) เป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดทรวงอกให้ใหญ่ขึ้น โดยใช้ซิลิโคนเสริมหน้าอก หรือในบางกรณีอาจใช้ไขมันจากร่างกาย (Fat Transfer) เพื่อให้หน้าอกดูเต็มและสวยขึ้น การศัลยกรรมนี้มักเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง ปรับสมดุลของร่างกาย หรือแก้ปัญหาหน้าอกเล็กมาตั้งแต่กำเนิด
การแก้หน้าอกคืออะไร?
การแก้หน้าอก (Breast Revision Surgery) คือการผ่าตัดเพื่อปรับปรุงหรือแก้ไขทรวงอกที่เคยผ่านการเสริมมาแล้ว ซึ่งอาจเกิดปัญหาหลังจากการศัลยกรรมครั้งแรก เช่น ซิลิโคนรั่วซึม, หน้าอกแข็งจากพังผืด, ซิลิโคนเคลื่อนตำแหน่ง หรือขนาดไม่เหมาะสมกับรูปร่าง การแก้หน้าอกมักต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนกว่า และบางครั้งอาจต้องมีการ เปลี่ยนซิลิโคน, ปรับแต่งเนื้อเยื่อ, หรือทำการยกกระชับร่วมด้วย
หัวข้อ | การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) | การแก้หน้าอก (Breast Revision Surgery) |
---|---|---|
วัตถุประสงค์ | เพิ่มขนาดหน้าอก, เสริมความมั่นใจ | แก้ปัญหาจากการเสริมหน้าอกครั้งก่อน |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่มีหน้าอกเล็ก, ต้องการเพิ่มขนาด | ผู้ที่เคยเสริมหน้าอกแล้วเกิดปัญหา |
เทคนิคที่ใช้ | ใส่ซิลิโคนใหม่ หรือฉีดไขมัน | เปลี่ยนซิลิโคน, ปรับขนาด, แก้ไขพังผืด |
ความซับซ้อนของการผ่าตัด | ระดับปานกลาง | ซับซ้อนกว่า เนื่องจากต้องแก้ไขเนื้อเยื่อเดิม |
ระยะเวลาผ่าตัด | ประมาณ 1.5 - 3 ชั่วโมง | อาจนานขึ้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา |
ระยะเวลาพักฟื้น | 5 - 7 วัน สามารถใช้ชีวิตปกติได้เร็ว | 7 - 14 วัน อาจต้องดูแลเป็นพิเศษ |
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น | อักเสบ, ซิลิโคนเคลื่อน | พังผืด, ซิลิโคนรั่ว, หน้าอกผิดรูป |
ควรเลือกแก้หน้าอกหรือเสริมใหม่ดี?
หากคุณยังไม่เคยทำศัลยกรรมหน้าอกมาก่อน และต้องการเพิ่มขนาดเพียงอย่างเดียว การเสริมหน้าอก คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แต่หากคุณเคยเสริมหน้าอกแล้ว และกำลังประสบปัญหากับซิลิโคนเดิม หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับทรงหน้าอก การแก้หน้าอก จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับรูปร่างมากขึ้น
การเลือกว่าจะทำศัลยกรรมประเภทใด ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณ และความต้องการที่แท้จริง หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด
เทคนิคการแก้หน้าอกมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร
การแก้หน้าอกเป็นการศัลยกรรมที่ทำขึ้นเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์จากการเสริมหน้าอกเดิมที่ไม่เป็นที่พอใจ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น พังผืดรัดเต้านม ซิลิโคนเคลื่อน หรือหน้าอกหย่อนคล้อย ซึ่งการแก้ไขแต่ละแบบจะมีวัตถุประสงค์และเทคนิคที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคล
ประเภทของการแก้หน้าอกที่นิยม
- การเปลี่ยนซิลิโคน (Implant Exchange)
ใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนขนาด ยี่ห้อ หรือรุ่นของซิลิโคน รวมถึงเมื่อซิลิโคนหมดอายุ เสื่อมสภาพ หรือเกิดการรั่วซึม เหมาะกับผู้ที่ต้องการขนาดใหม่ หรือเกิดการเสียหายของซิลิโคนเดิม แพทย์จะนำซิลิโคนเดิมออก และใส่ซิลิโคนใหม่ที่เหมาะสมกับโครงสร้างหน้าอกและสภาพผิวหนัง - การเลาะพังผืด (Capsulectomy / Capsulotomy)
ใช้ในกรณีที่เกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน ทำให้หน้าอกแข็งผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บ เหมาะกับผู้ที่เป็นพังผืดระดับ 3-4 อาจทำร่วมกับการเปลี่ยนซิลิโคนใหม่เพื่อลดโอกาสเกิดพังผืดซ้ำ - การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift หรือ Mastopexy)
ใช้ในกรณีที่หน้าอกหย่อนคล้อย หัวนมหันลง หรือเต้านมเสียทรง ซึ่งมักเกิดจากอายุ การตั้งครรภ์ การให้นม หรือการลดน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนชัดเจน สามารถทำยกกระชับหน้าอกร่วมกับการเปลี่ยนหรือเสริมซิลิโคนใหม่ได้ - การปรับตำแหน่งซิลิโคน (Pocket Correction)
ใช้ในกรณีที่ซิลิโคนเคลื่อนออกนอกตำแหน่งเดิม เช่น เคลื่อนชิดกลาง เคลื่อนข้าง หรือเคลื่อนลงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่หน้าอกผิดรูปจากการเคลื่อนของซิลิโคน แพทย์จะปรับแต่งโพรงซิลิโคน และเย็บกระชับให้ซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
- การเปลี่ยนซิลิโคน (Implant Exchange)
เทคนิคแก้ไข | เหมาะกับใคร | จุดประสงค์ | ทำร่วมกับการเปลี่ยนซิลิโคน | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|
เปลี่ยนซิลิโคน | ผู้ที่ต้องการขนาดใหม่ หรือซิลิโคนเสื่อม | ปรับรูปร่างและวัสดุ | ใช่ | ได้รูปทรงใหม่ทันที |
เลาะพังผืด | ผู้มีพังผืดระดับรุนแรง | ลดความแข็งของเต้านม | ใช่ | แก้ปัญหาพังผืดเฉพาะจุด |
ยกกระชับหน้าอก | ผู้ที่หน้าอกหย่อนคล้อย | ยกหน้าอกให้กระชับ | ใช่ | แก้ไขตำแหน่งหัวนมและรูปทรงหน้าอก |
ปรับโพรงซิลิโคน | ผู้ที่ซิลิโคนเคลื่อน | ผู้ที่ซิลิโคนเคลื่อน แก้ไขตำแหน่งซิลิโคน | ใช่ | ช่วยให้หน้าอกสมมาตรและเป็นธรรมชาติ |
การเลือกเทคนิคในการแก้หน้าอกจำเป็นต้องพิจารณาจากสาเหตุของปัญหาอย่างละเอียด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินว่าควรใช้วิธีใดหรือผสมผสานเทคนิคหลายรูปแบบร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
หากคุณกำลังสงสัยว่าตนเองจำเป็นต้องแก้หน้าอกหรือไม่ ควรเข้ารับการปรึกษาเพื่อประเมินสภาพหน้าอกอย่างถูกต้อง และวางแผนการแก้ไขอย่างเหมาะสมกับสรีระและเป้าหมายของคุณเอง
แก้หน้าอกที่ไหนดี เลือกสถานพยาบาลอย่างไรให้ปลอดภัย
การตัดสินใจ “แก้หน้าอก” ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเป็นการศัลยกรรมที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญของศัลยแพทย์ และมาตรฐานของสถานพยาบาลร่วมด้วย การเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน และสร้างความมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปตามที่คาดหวัง
- ศัลยแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านมโดยเฉพาะ
ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการแก้หน้าอกมาแล้วหลากหลายเคส โดยเฉพาะเคสที่ซับซ้อน เช่น พังผืดรัดเต้านม หน้าอกเบี้ยว ซิลิโคนเคลื่อน หรือหย่อนคล้อยมาก ซึ่งต้องใช้เทคนิคการวิเคราะห์และแก้ไขอย่างแม่นยำ - สถานพยาบาลต้องได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล
การแก้หน้าอกควรทำในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ อุปกรณ์ครบถ้วน และทีมแพทย์วิสัญญีที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยขณะดมยาสลบ และดูแลภาวะแทรกซ้อนได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน - มีระบบติดตามผลและดูแลหลังผ่าตัด
การแก้หน้าอกไม่ใช่แค่การผ่าตัดครั้งเดียวจบ แต่ต้องมีการติดตามอาการ ดูแลแผล และตรวจสอบผลลัพธ์หลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง การมีทีมพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำจึงเป็นสิ่งจำเป็น - มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
การอ่านรีวิวหรือดูเคสตัวอย่างก่อน-หลังของผู้ที่เคยใช้บริการ จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าคุณภาพการรักษาและผลลัพธ์เป็นอย่างไร โดยเฉพาะเคสที่คล้ายกับปัญหาของคุณเอง
- ศัลยแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านมโดยเฉพาะ
โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการแก้หน้าอก
โรงพยาบาลเลอลักษณ์ (Lelux Hospital) เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งชั้นนำของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงด้านการเสริมหน้าอกและแก้หน้าอกมาอย่างยาวนาน โดยมีจุดเด่นดังนี้
- ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านมโดยเฉพาะ
ทุกเคสได้รับการวางแผนโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการแก้หน้าอกโดยตรง - ใช้เทคโนโลยีการวินิจฉัยและออกแบบทรงหน้าอก 3 มิติ
ทำให้สามารถวางแผนการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ และเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมที่สุดกับสรีระของผู้ป่วย - มาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล
ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ พร้อมทีมวิสัญญีแพทย์ดูแลการดมยาสลบอย่างปลอดภัย - มีโปรแกรมดูแลหลังผ่าตัดครบวงจร
ตั้งแต่การติดตามแผล การประคบเย็น ไปจนถึงการใช้ซัพพอร์ตบราและการติดตามผลลัพธ์ระยะยา
- ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านมโดยเฉพาะ
การเตรียมตัวก่อนและหลังการแก้หน้าอก
หากคุณกำลังวางแผน ศัลยกรรมแก้หน้าอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนซิลิโคน การยกกระชับ หรือการปรับรูปทรงหน้าอกให้กลับมาสวยและกระชับขึ้น การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังผ่าตัดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยาวนาน
ก่อนการผ่าตัดแก้หน้าอก ควรเตรียมตัวอย่างไร?
- แจ้งข้อมูลการเสริมหน้าอกครั้งก่อนอย่างละเอียด
รวมถึงชนิดซิลิโคน ขนาด เทคนิคที่ใช้ และประวัติการเกิดพังผืดหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนแก้ไขได้อย่างเหมาะสม - งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องวางยาสลบ ซึ่งแพทย์จะนัดหมายเวลาและให้คำแนะนำล่วงหน้า - หยุดใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด
เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี และสมุนไพรบางชนิดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลือดออก
จัดเตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย
แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าหรือซิปหน้า เพื่อลดการยกแขนหรือขยับมากหลังผ่าตัด - พักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและพร้อมต่อการฟื้นตัว
- แจ้งข้อมูลการเสริมหน้าอกครั้งก่อนอย่างละเอียด
หลังการผ่าตัดแก้หน้าอก ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การประคบเย็น หรือการเข้ารับการตรวจติดตามอาการ - ใส่ซัพพอร์ตบราตามที่แพทย์แนะนำ
โดยทั่วไปต้องใส่ต่อเนื่องอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมและช่วยพยุงหน้าอกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม - หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักและการยกของ
โดยเฉพาะในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก เพื่อลดแรงดึงบริเวณแผลและไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อน - นอนหงาย ศีรษะสูง
การนอนในท่าศีรษะสูงช่วยลดอาการบวมและช้ำหลังผ่าตัด - งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
เนื่องจากสารเหล่านี้อาจชะลอการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ - กลับมาติดตามผลตามนัดหมาย
แพทย์จะประเมินผลลัพธ์อย่างละเอียดและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลสำหรับการดูแลต่อเนื่อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การแก้หน้าอกไม่ใช่แค่เรื่องของศัลยกรรมความงาม แต่เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้าและการดูแลที่ถูกต้องในทุกขั้นตอน หากคุณมีคำถามหรือยังไม่มั่นใจในขั้นตอนต่าง ๆ การปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลเลอลักษณ์จะช่วยให้คุณวางใจและได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และตรงใจมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแก้หน้าอก (FAQ)
Q:แก้หน้าอกเจ็บไหม?
A:การแก้หน้าอกเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เทคนิคที่ละเอียดและซับซ้อนกว่าการเสริมหน้าอกครั้งแรก แต่อาการเจ็บสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด และส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบายในช่วง 2-3 วันแรก จากนั้นอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น
Q:ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
A:โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันเบื้องต้นได้ภายใน 5-7 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือยกของหนักอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายดีและซิลิโคนเข้าที่อย่างสมบูรณ์
Q:แก้หน้าอกต้องผ่าตัดทุกเคสหรือไม่?
A:ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกเคส หากเป็นปัญหาเล็กน้อย เช่น ความไม่สมดุลเพียงเล็กน้อยหรือพังผืดบางส่วน แพทย์อาจแนะนำวิธีอื่น เช่น การนวด การรักษาด้วยอุปกรณ์ หรือการใช้เลเซอร์ แต่หากมีพังผืดรัดแน่น ซิลิโคนผิดรูป หรือหน้าอกหย่อนคล้อยมาก การผ่าตัดจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด
Q:แก้หน้าอกกี่ครั้งถึงจะจบ?
A:ในหลายกรณี การแก้หน้าอกเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ หากแพทย์วางแผนและทำอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากปัญหาซับซ้อน เช่น ซิลิโคนแตก หรือเคยทำมาหลายรอบ อาจต้องมีการติดตามและปรับแก้ในระยะยาว
Q:สามารถแก้หน้าอกพร้อมกับการเสริมใหม่ได้หรือไม่?
A:ได้ หากแพทย์เห็นว่าร่างกายของผู้ป่วยพร้อมและไม่มีข้อจำกัด การแก้ไขซิลิโคนเดิมและการเสริมซิลิโคนใหม่สามารถทำร่วมกันได้ในครั้งเดียว เช่น การเปลี่ยนขนาด การเปลี่ยนยี่ห้อ หรือการยกกระชับร่วมด้วย
Q:หลังจากแก้หน้าอก สามารถให้นมบุตรได้หรือไม่?
A:ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด หากไม่ได้ตัดผ่านบริเวณท่อน้ำนมหรือหัวนม ก็ยังสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าหากมีแผนตั้งครรภ์ในอนาคต
Q:ค่าใช้จ่ายในการแก้หน้าอกอยู่ที่เท่าไหร่?
A:ราคาจะแตกต่างกันตามความซับซ้อนของเคส ขนาดของซิลิโคน เทคนิคที่ใช้ และสถานพยาบาล โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณ 80,000 – 200,000 บาท หากต้องการทราบราคาที่แน่นอน ควรปรึกษากับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่เชื่อถือได้ เช่น โรงพยาบาลเลอลักษณ์