ไขมันส่วนเกินถือเป็นปัญหากวนใจของสาวๆ หลายท่านเลยก็ว่าได้ โดยบริเวณที่มีไขมันขึ้นมักจะเป็นบริเวณต้นแขน, ต้นขา, หน้าท้อง และเอว ซึ่งการลดไขมันบริเวณนั้นก็เป็นไปได้ยาก หรือต้องใช้ความมีวินัยในการลดไขมันมาก ๆ ดังนั้นการดูดไขมันจึงถือเป็นทางลัดที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นเทคนิคที่ใช้เวลาทำน้อย แต่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
การดูดไขมัน (Liposuction) คือการศัลยกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกินของร่างกายในบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา, และเอว เป็นต้น โดยจะใช้เครื่องดูดไขมันเป็นตัวช่วยในการดูดไขมันออกมาจากร่างกาย สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่หลังทำ ทั้งนี้การดูดไขมันต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเทคนิคนี้เป็นการดูดของเหลวออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายเสียน้ำ แพทย์จึงต้องคอยประเมินอาการตลอดเวลาที่ทำหัตถการ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาระหว่างผ่าตัด
Vaser Smooth 2.2 คือเครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังงาน Ultrasound ในการสลายไขมันให้ไม่เกาะกันเป็นก้อน มีการเสียเลือดน้อย ทำให้เซลล์ไขมันดูดออกมาง่ายและนิ่มนวล ไม่ทำความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อต่าง ๆ การดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 เปิดแผลเล็กขนาดประมาณ 0.5 cm มีอาการบวมช้ำน้อย และพักฟื้นไม่นาน
แพทย์จะฉีดสารละลายน้ำเกลือชนิดพิเศษผสมด้วยยาชา เข้าสู่ชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมันเพื่อช่วยให้ไม่เจ็บและลดการเสียเลือดและการเกิดรอยช้ำ พร้อมกับเจาะแผลเล็ก ๆ บริเวณผิวหนัง เพื่อใส่ เครื่องมือ Vaser ซึ่งเป็นเข็มขนาดยาว เข้าไปสัมผัสกับไขมันที่ต้องการสลายโดยตรง เพื่อเป็นตัวนำส่งพลังงาน Ultrasound เข้าไปสลายไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งไขมันที่ถูกสลายจะกลายเป็นของเหลวทั้งหมด หลังสลายแล้ว ไขมันจะถูกดูดออกอย่างนุ่มนวล
- ร่างกายอาจเกิดความเจ็บปวดและเกิดรอยช้ำเล็กน้อย
- บางรายที่ดูดไขมันหลายบริเวณอาจเกิดอาการช้ำได้หลายจุด
- หลังดูดไขมันคนไข้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ภายใน 1 วัน
- หลังการดูดไขมัน เซลล์ไขมันจะหายไปโดยที่เนื้อเยื่อเซลล์รอบ ๆ จะไม่ได้รับการทำลาย
- หลังทำรูปร่างของคนไข้จะลด และได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
ดูแลโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง
