fbpx
ศัลยกรรมจมูก

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดปรับรูปทรงจมูกให้ได้ทรงที่โด่ง และมีมิติขึ้น เพราะจมูกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของใบหน้า การมีจมูกที่เล็กหรือใหญ่เกินไป ผิดรูป หรือเบี้ยวเอียง ทั้งตั้งแต่กำเนิด หรือ เกิดจากอุบัติเหตุ ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจในการทำงาน และการเข้าสังคม

การเสริมจมูกสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนให้กับใบหน้า ซึ่งทำได้ง่าย รวดเร็ว เห็นผลทันที แต่ทั้งนี้ความสวยงามและผลลัพธ์ที่ได้จะมากน้อยเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูกจึงมีความสำคัญ

ศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่แบบ?

การเสริมจมูกที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ จัดเป็น 2 รูปแบบ 7 เทคนิค เริ่มตั้งแต่เทคนิค Standard จนถึง Advance ขั้นสุด

รูปแบบที่ 1 เสริมแบบไม่แก้ไขโครงสร้าง (Closed Rhinoplasty)

การเสริมจมูกที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ จัดเป็น 2 รูปแบบ 7 เทคนิค เริ่มตั้งแต่เทคนิค Standard จนถึง Advance ขั้นสุด

คือการเสริมจมูกแบบปิด เป็นการเสริมจมูกแบบเก่าที่นิยมในไทย ด้วยการ เติม เพิ่ม ใส่ #จุดที่ขาดให้เต็ม ให้อิ่ม ให้มีมิติ เช่น

  • สันเว้า – เติมสันโด่ง
  • ปลายสั้น – ยืดปลายยาว
  • ปลายไม่โด่ง – ดีดให้พุ่ง

 

หากสังเกต จะเห็นว่า เป็นการเติมและใส่ ให้ได้ปริมาตรที่มากขึ้น ทั้งนี้ต้องเป็นการเสริม #โดยไม่ฝืนเนื้อมากเกินไป การเสริมเทคนิคนี้จะใช้ซิลิโคนเป็นหลัก ราคาย่อมเยาว์ ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วิธีการเฉพาะอื่นๆ เพื่อลดปัญหาส่วนเกินจากฐานจมูกได้ เช่น ฮัมพ์สูง~ปรับตะไบลดปุ่มกระดูกให้พอดี ฐานกว้าง~ตอกปรับให้เรียวแคบ ปีกจมูกกว้าง~ตัดแต่งลดความแบะของปีกจมูก

โดยการเสริมแบบไม่แก้ไขโครงสร้าง สามารถแยกออกเป็น 4 เทคนิคย่อย ดังนี้

  1. เทคนิค Single Standard
  2. เทคนิครองปลายกันทะลุ
  3. เทคนิค Mini Open
  4. เทคนิค Open Reforming (ปรับฐาน)
เทคนิคที่ 1 Single Standard

เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแท่งรูปตัว L เพื่อปรับรูปทรงให้โด่งขึ้น มีมิติขึ้น และสวยขึ้น โดยมีซิลิโคน 3 ทรง ที่เป็นเอกสิทธิ์ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ เหมาะกับผู้ที่จมูกขาดมิติ ต้องการเพิ่มความคมชัดของใบหน้า ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 20-30 นาที รอยแผลผ่าตัดซ่อนไว้ที่ด้านในรูจมูกหนึ่งด้าน เทคนิคนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก

เทคนิคที่ 2 รองปลายกันทะลุ
เหมาะกับผู้ที่จมูกขาดมิติ ต้องการเพิ่มความคมชัดของใบหน้า ผ่าตัดเปิดแผลหนึ่งข้างเพื่อปรับรูปทรงและมิติของจมูกด้วยซิลิโคนรูปตัว L และใช้วัสดุรองปลายในการเพิ่มความยาวหรือสร้างปลายหยดน้ำพร้อมช่วยลดและป้องกันการสุ่มเสี่ยงต่อการทะลุ วัสดุรองปลายที่นิยมได้แก่ เนื้อเยื่อเทียม เนื้อเยื่อก้นกบ และกระดูกอ่อนหลังหู
เทคนิคที่ 3 Mini Open
เป็นการเปิดแผลผ่าตัด 2 ข้างซ่อนไว้ด้านในรูจมูก เพื่อบล็อคกันการไหลเคลื่อนของซิลิโคนป้องกันการเบี้ยวเอียงในระยะยาว เหมาะกับผู้ที่จมูกขาดมิติ เนื้อปลายจมูกน้อย ปลายบาง เห็นรูจมูกชัดเจนเกินไป รูจมูกขนาดต่างกัน และผู้ที่ต้องการเติมหยดน้ำ โดยใช้ซิลิโคนรูปตัว L ผสานกับการใช้วัสดุรองปลายเป็นกระดูกอ่อนหลังหูรวมถึงเนื้อเยื่อไขมันช่วยลดและป้องกันการทะลุ สามารถเย็บอินเตอร์โดมให้ปลายพุ่งได้ และยังแก้ไขรูจมูกที่ต่างกันให้ยกตั้งสมมาตรขึ้นด้วย
เทคนิคที่ 4 Open Reforming (ปรับฐาน)
เปิดแผลจมูกทั้งหมด ทำให้สามารถเห็นฐานจมูกข้างในได้ดี เหมาะกับผู้ที่จมูกขาดมิติ เนื้อปลายหนา กลม ฐานจมูกไม่เท่ากัน ปลายไม่พุ่ง สามารถเลาะไขมันปลายจมูกเพื่อลดปริมาตรความหนาได้ และยังสามารถเย็บอินเตอร์โดมให้ปลายพุ่งได้ดีกว่า ใช้วัสดุรองปลายเป็นกระดูกอ่อนหลังหู ช่วยลดและป้องกันปัญหาปลายบางใส ลดและป้องกันการสุ่มเสี่ยงต่อการทะลุได้ดี
รูปแบบที่ 2 เสริมแบบแก้ไขโครงสร้าง (Open Rhinoplasty)

การเสริมจมูกแบบเปิด หรือการทำจมูกแบบแก้ไขโครงสร้าง คือเทคนิคศัลยกรรมจมูกที่ช่วยแก้ไขให้รูปร่างจมูกดูสมบูรณ์ขึ้น ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูกเผยโครงสร้างภายในทุกส่วน เป็นเทคนิคที่ #เหนือกว่า #ยากกว่า #ใช้เวลาทำนานกว่า การเสริมแบบไม่แก้ไขโครงสร้าง ต้องใช้ความชำนาญ และศัลยแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เป็นรูปแบบการเสริมที่สามารถแก้ปัญหาจากต้นตอ เนื่องจากแพทย์สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย หรือแก้จากโครงสร้างข้างใน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก เช่น สันจมูกคด, สันจมูกเป็น Hump ขนาดใหญ่, จมูกงุ้ม, ปลายจมูกใหญ่, ปลายจมูกสั้น เชิด โครงสร้างเบี้ยว เอียงผิดรูป ทั้งในกรณีที่เป็นของเดิมมาแต่กำเนิด หรือเกิดจากการผ่าตัดครั้งก่อนๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัญหาผังผืดหดรัด แก้ปลายจมูกบางจากการเสริมจมูกแบบปิด, หรือต้องการให้จมูกโด่งมากซึ่งไม่สามารถใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้ จึงตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมทุกปัญหา

เสริมแบบแก้ไขโครงสร้าง สามารถแยกเป็น 3 เทคนิค ดังนี้

  1.  ยืดผนังกั้นจมูก ด้วย กระดูกแกนกลางจมูก
  2.  ยืดผนังกั้นจมูก ด้วย Double Graft
  3.  ยืดผนังกั้นจมูก ด้วย ซี่โครงตัวเอง
เทคนิคที่ 5 แก้ไขโครงสร้าง ยืดผนังกั้นจมูก ด้วย #กระดูกแกนกลางจมูก
คือ การเปิดแผลผ่าตัดทั้งหมดที่ฐานจมูกและนำกระดูกแกนกลางจมูก (Septal cartilage) ซึ่งเป็นวัสดุในร่างกายที่มีความแข็งแรง แบน ตรงและเรียบ เข้าไปสร้าง ปรับ และ แก้ไขโครงสร้างที่อ่อนแอภายในจมูก โดยแพทย์จะผ่าตัดเอากระดูกแกนกลางจมูกออกมาเพียงบางส่วนนำมาใช้สร้างโครงสร้างส่วนกลาง และใช้กระดูกอ่อนหลังหู ร่วมกับเนื้อเยื่อไขมันที่ปลายจมูก เพื่อความละมุน และ#ปลายไร้ซิลิโคนแบบแท้จริง ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อร่างกายในภายหลัง เป็นเทคนิคที่สามารถ ปรับ ลด เติม เพิ่ม ส่วนที่ขาด-เกิน ได้อย่างลงตัว และปลอดภัยเนื่องจากปลายจมูกทั้งหมดไร้ซิลิโคนจึงทำให้รูปลักษณ์ภายนอกได้สัดส่วนที่ครบถ้วนถูกต้องตามองศาที่สวย
เทคนิคที่ 6 แก้ไขโครงสร้างยืดผนังกั้นจมูก ด้วย Double Graft
คือ การเสริมจมูกด้วยการเปิดแผลผ่าตัดทั้งหมดมีการนำ Double Graft ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ (เป็นวัสดุทางการแพทย์ผลิตจากสารอินทรีย์วัตถุเป็นวัสดุทางชีวโมเลกุลที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดีและมีความแข็งแรงมาก) ใช้ในกรณีที่จมูกเคยผ่านการโอเพ่นหรือใช้กระดูกแกนกลางมาแล้วรวมถึงผู้ที่ต้องการปลายจมูกโด่งพุ่งตามองศาที่สวย
เทคนิคที่7 แก้ไขโครงสร้างยืดผนังกั้นจมูกด้วย ซี่โครงตัวเอง (Rib cartilage Rhinoplasty)

เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยเทคนิคขั้นสูง มีการนำซี่โครงตัวเองซึ่งเป็นวัสดุในร่างกายที่มีปริมาณมากที่สุด แข็งแรงที่สุด นำมาใช้เพื่อแก้ไขรูปทรงจมูก หรือเสริมบริเวณที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากวัสดุมีปริมาณมากเพียงพอจึงพอเพียงต่อการแก้ไขปัญหาภายในโครงสร้างจมูกได้อย่างครบถ้วนทุกปัญหา เป็นวิธีการแก้ไขทรงจมูกแบบที่ซิลิโคนไม่สามารถทำได้
โดยแพทย์จะเปิดแผลใต้ราวนม 1.5-3 เซนติเมตร ตามโครงสร้างแต่ละบุคคล จากนั้นนำกระดูกซี่โครงมาใช้ในการสร้างโครงสร้างหลักของจมูก ปริมาณกระดูกอ่อนที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 3-8 ซม.

จุดเด่นของการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ คือ หลังการผ่าตัด คนไข้จะได้รับการนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด และมีการเฝ้าระวังการฟื้นตัวหลังดมยาสลบ เนื่องจากการผ่าตัดกระดูกอ่อนซี่โครง หากแพทย์ไม่ชำนาญ อาจมีความเสี่ยงที่กระดูกจะทะลุเข้าปอด ทิ่มแทงถูกเนื้อปอด อาจทำให้เกิดภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดหรือปอดทะลุ หรือมีเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอด (hemothorax) การได้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลหลังการผ่าตัดจะช่วยให้แพทย์และพยาบาลสามารถดูแลคนไข้ได้อย่างใกล้ชิด เพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยให้กับคนไข้มากยิ่งขึ้น ดีกว่าการผ่าตัดเสร็จแล้วไม่ได้นอน หรือกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านทันที ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อคนไข้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ

15 ข้อควรรู้ก่อนเสริมจมูก

1. ปัญหาจมูกของคุณคืออะไร?
สิ่งจำเป็นพื้นฐานอันดับแรกที่หลายคนมักมองข้าม ซึ่งหากทราบรายละเอียดปัญหาจมูกของตนเองมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้สามารถเลือกเทคนิคได้ถูกต้อง รวมถึงผลลัพธ์ยิ่งตอบโจทย์มากเท่านั้น ดังนั้น “รู้ปัญหาพาคุณสวยแน่นอน”

2. เทคนิคที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
โรงพยาบาลเลอลักษณ์จะมีการเสริมจมูก 7 เทคนิค ซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้การแก้ปัญหาตอบโจทย์ครอบคลุมทุกปัญหา เลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุดสู่ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูดีของคุณ

3. เลือกแบบจมูกที่คุณอยากได้
ควรเลือกที่เข้ากับหน้า เพราะทุกคนมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกัน เช่น หน้าสั้น หน้ายาว โหนกแก้มสูงคางสั้น หน้าผากกว้าง การเลือกทรงจมูกอาจดูรีวิวจากเคสที่มีลักษณะโครงสร้างพื้นฐานคล้ายกัน เพื่อให้การเสริมจมูกออกมาเหมาะสมกับสัดส่วนเฉพาะบุคคล เพราะจุดสวยแต่ละบุคคลต่างกัน ดังนั้น “จะเอาจุดสวยของคนอื่นมาไว้บนหน้าเรา ย่อมไม่สามารถสวยเฉกเช่นเดียวกันได้”

4. ศึกษาข้อมูลแพทย์ หรือสถานที่ที่สามารถใช้เทคนิคในการแก้ปัญหาของเราได้
ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากส่งผลให้จมูกเราออกมาดูดีตอบโจทย์ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด ควรเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการทำเทคนิคนั้นๆ และมีผลงานให้ได้ชมมากพอที่จะทำให้เรามั่นใจและตัดสินใจเสริมได้

5. ศึกษาข้อมูล รีวิวแพทย์ที่เราสนใจ
โดยศึกษาผลงานแพทย์ที่มีปัญหาคล้ายกับตนเอง เพื่อดูแนวทางแก้ไข รวมถึงผลลัพธ์หลังผ่าตัดด้วย โดยอาจขอดูรีวิวแพทย์ท่านนั้น จากรูป วิดีโอ หรือไลฟ์สด เพื่อประกอบการตัดสินใจ

6. ปรึกษาแพทย์ที่คุณสนใจ พร้อมนำแบบที่ต้องการไปด้วย
เพื่อจะได้คุยรายละเอียดความเข้าใจว่าตรงกันหรือไม่? ข้อนี้มีความสำคัญในเรื่องความพึงพอใจ เพราะส่วนใหญ่หากเป็นการเสริมครั้งแรก มักให้แพทย์เป็นผู้ออกแบบทรง โดยทรงที่ออกมาอาจดูสวยในสายตาแพทย์หรือคนรอบข้าง แต่อาจไม่สวยในสายตาเรา และมักเป็นเหตุให้ต้องทำการแก้ไขซ้ำซ้อน ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างคนไข้และแพทย์ที่ทำการผ่าตัด อาจนำแบบที่ชอบไปคุยกับคุณหมอ แล้วแจ้งความจำนงค์พร้อมรายละเอียดความเหมาะสมด้วยว่า เป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร เพื่อตัดปัญหาเรื่อง #ทรงสวยแต่ไม่ชอบ

7. แจ้งโรคประจำตัวหรืออาการการแพ้ต่างๆ ให้แพทย์ได้ทราบ
ข้อนี้ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้ข้ออื่น เพราะอาจส่งผลต่อระบบร่างกายทั้งระหว่างผ่าตัด และหลังผ่าตัดด้วย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต โรคHIV หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรแจ้งศัลยแพทย์อย่างละเอียดเรื่องประวัติการรักษาว่าทานยาชนิดใด หรือแพ้ยาตัวไหนบ้าง เพื่อแพทย์จะได้วางแผนการรักษาและป้องกันความเสี่ยงในระหว่างการผ่าตัดรวมถึงหลังการผ่าตัดด้วย

8. หาข้อมูลหลังผ่าตัดอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
เช่น เวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนหลังฟื้นตัวจากการดมยาสลบ ซึ่งทางโรงพยาบาลเลอลักษณ์จะให้คนไข้นอนพักค้างคืนเพื่อลดปัญหาอาการอันไม่พึงประสงค์ที่บ้านและเพื่อให้แพทย์ได้ทำการตรวจจมูกก่อนเดินทางกลับบ้านด้วย

9. หาข้อมูลวิธีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
เช่น การงดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง หากต้องดมยาสลบ งดวิตามินอาหารเสริม ยากลุ่มแอสไพริน ยาลดกล้ามเนื้ออักเสบ ล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด งดแต่งหน้า ทาปาก งดการใส่เครื่องประดับที่เป็นเหล็ก โลหะ งดทาเล็บ รักษาความสะอาดของใบหน้าอย่าให้สิวขึ้นที่จมูก เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะการติดเชื้อ

10. ศึกษาสถานที่ ที่พัก การเดินทาง
เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและคลายความกังวลเกี่ยวกับเวลาในการนัดหมาย หากเป็นไปได้อาจทำการสำรวจเส้นทางล่วงหน้า หรืออาจมีการนัดหมายไปปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ทราบเส้นทางคร่าวๆ ในวันผ่าตัดอาจไปก่อนเวลานัดประมาณ 30 นาที เพื่อลดความกังวลและให้ร่างกายมีความคุ้นชินกับสถานที่

11. เตรียมตัวให้พร้อมในวันผ่าตัด
นอนหลับให้เพียงพอ สระผมก่อนให้เรียบร้อย เพราะแผลห้ามโดนน้ำหลังการผ่าตัดในช่วงแรก ๆ รวมถึงงดแต่งหน้า เพื่อแพทย์จะได้เห็นรูปทรงจมูกได้อย่างชัดเจน

12. อุปกรณ์หลังผ่าตัด
ได้แก่ หมอนรองคอ เจลประคบเย็น ชุดทำความสะอาดแผล อันได้แก่ น้ำเกลือ ไม้พันสำลี เบตาดีน ยาทาแผลสด ยาทาแผลเป็น เป็นต้น

13. ศึกษาอาหารการกิน
รวมถึงอาหารที่ต้องหลีกเลี่ยง สามารถทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม อาหารที่เคี้ยวง่ายๆ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ของหมักดอง ปลาร้า ส้มตำ แอลกอฮอล์ อาหารรสเผ็ด

14. ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด
เช่น อาจมีเลือดไหลจากรูจมูกในช่วง 3-4 วันแรก โดยเฉพาะเคสที่ทำการผ่าตัดแบบแก้ไขโครงสร้าง เป็นอาการปกติเพื่อการเดรนเลือด และของเสียจากภายใน, ปัญหาคราบเลือดเกาะกรังตามแผล หลายๆ คนไม่กล้าเช็ดทำความสะอาดเพราะกลัวการสัมผัสแผลและกลัวเจ็บ ให้ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือชุ่มๆ เช็ดเบาๆ ที่สะเก็ดเลือดให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากนั้นป้ายยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน หรือขี้ผึ้ง เพื่อลดความตึงแผล หรือแผลปริได้

15. การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

ปัญหาจมูกของคุณคือแบบไหน?

1. จมูกปีกกว้าง เป็นรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในเรื่องปีกที่กาง ป้าน หรือแบะ เกินหัวตา วิธีการแก้ไข คือต้อง ตัด ลด ทำให้แคบ หรือทำให้เล็กลง ซึ่งที่รพ.เลอลักษณ์ มีเทคนิคในการแก้ปัญหา ดังนี้

  1. ตัดปีกให้เล็ก
  2. คล้องปีกให้แคบ #โดยไม่ต้องตัด (เทคนิคล้ำเฉพาะของโรงพยาบาลเลอลักษณ์)
  3. แก้โครงสร้างยกปีกให้แคบ #โดยไม่ต้องตัด

2. จมูกใหญ่ เป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่มีมิติ ขาดความคมชัด เนื้อมีความหนา ปลายมีความกลม ทู่ คล้ายลูกชมพู่ วิธีการแก้ไข คือ ต้องตัด ต้องลดปริมาตรความใหญ่ ให้เพรียว เรียว ปัญหานี้ ไม่เหมาะกับการ เติม หรือ เพิ่ม วัสดุในจุดที่ใหญ่ เช่น ใส่ซิลิโคน หรือกอร์เทคลงไป เพราะจะทำให้ปริมาตรทวีความล้นองศา แต่ควรใช้วิธีการเอาออกให้มากที่สุด เทคนิคที่เอาออกได้มากที่สุด คือ การเปิดจมูกเนื่องจากเห็นส่วนเกินได้ชัดทุกอณู แล้วเลาะส่วนเกินภายในจมูกออก เช่น ไขมัน ผิวหนังที่หนา หรือตัดแต่งกระดูกปีกนกที่ใหญ่ให้แคบลง

3. จมูกผิดรูป เป็นรูปลักษณ์ภายนอก ที่มีความสูงต่ำต่างกัน ไม่เท่ากัน ทั้งเรื่องฐาน เรื่องปีกจมูก รวมถึงรูจมูก เคสลักษณะนี้ส่วนมาก กระดูกปีกนกข้างในมักเสียหาย อาจเนื่องจาก ผ่านการแก้ไขมาหลายครั้ง เคยมีภาวะติดเชื้อ เนื้อเยื่อหดรั้ง หรือเคสที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ วิธีการแก้ปัญหาจึงต้องเป็นเทคนิคที่ #มีวัสดุมากเพียงพอ #เพื่อความพอเพียงต่อการแก้ปัญหาทุกจุด เช่น เทคนิคที่ 7 ซี่โครงตัวเอง

4. จมูก Retract เป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่มีทั้ง #ความขาดและความเกินองศา กล่าวคือ
#ปลายยาวเกินองศา บางรายงุ้มแทบจะชนร่องปาก วิธีแก้ที่ถูกต้อง ต้องใช้เทคนิคเพื่อปรับลดปลายให้สั้นลง และดีดเชิดขึ้น
#รูจมูกเห็นชัดไป เนื่องจากมีความจิกรั้ง เชิด ส่งผลให้โหงวเฮ้งไม่ดี #ขาดความยาวตามองศาที่สวย วิธีแก้ คือต้องยืดความยาวรูจมูกให้ปิดการมองเห็นมากที่สุด
เทคนิคที่ตอบโจทย์มากที่สุด คือการแก้ไขโครงสร้าง เพื่อ #ปรับลดและเติมเต็ม ให้เกิดความบาลานซ์ที่สุด

5. รูจมูกไม่เท่ากัน ปัญหาข้อนี้ค่อนข้างชัดในด้านรูปลักษณ์ภายนอก แต่แนวทางการแก้ปัญหา ต้องดูที่สาเหตุว่าเกิดจากอะไร เช่น ไม่เท่ากันเนื่องจากซิลิโคนกดทับเพราะโครงสร้างส่วนล่างไม่แข็งแรง ไม่เท่ากันเนื่องจากฐานโครงสร้างเดิม หรือเนื่องจากการกรีดเย็บของการผ่าตัดครั้งก่อน ไม่เท่ากันเนื่องจากกระดูกปีกนกเสียหายจากการติดเชื้อ
โดยแนวทางแก้ไข สามารถทำได้หลายวิธี เช่น #การเสริมMini Open เฉพาะที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ เป็น #เทคนิคล้ำที่เหนือกว่า ด้วยงบประมาณที่เอื้อมถึง สามารถสร้างสัดส่วนให้เปลี่ยนแปลงได้จริง รูจมูกดูใกล้เคียง และดูดีขึ้น หรือเทคนิคการแก้ไขโครงสร้างแบบปลายไร้ซิลิโคนที่ตอบโจทย์อย่างครอบคลุมปัญหาที่หลากหลาย ช่วยป้องกันการโดนกดทับหลังการเสริมในระยะยาวได้ดีอีกด้วย

6. จมูกฐานกว้าง เป็นรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไปในเรื่อง #ความเกินองศา เพราะทำให้ภาพรวมดูแข็ง ไม่คม ไม่หวาน เนื่องจากกระดูกที่ใหญ่เกิน จมูกแบบนี้ต้องใช้วิธีการ “ตอก” ปรับให้แคบและเรียว เพื่อให้เห็นความคมชัดของสันจมูก การตอกสามารถทำได้ในทุกเทคนิค

7. จมูกมีฮัมพ์ ถ้ามีพอดี ไม่ได้สูงมากเกินส่วนอื่น อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข หรือปรับลดฮัมพ์แต่อย่างใด
แต่หากมีเยอะเกิน นูนมากไป อาจส่งผลให้ภาพรวมหน้าดูดุ ทรงดูแข็ง วิธีการแก้ไขเคสที่มีฮัมพ์จึงต้องใช้การลดกระดูกฮัมพ์ หรือการตะไบจมูกด้วยเครื่องมือเฉพาะทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเทคนิคลดความโด่งของจมูกที่มากเกินองศา ให้มีความพอดี บาลานซ์ ได้สัดส่วน การตะไบสามารถทำได้ทุกเทคนิค แต่ถ้าเป็นการเปิดจมูกจะสามารถลดได้ดีมากกว่า เนื่องจากเห็นโครงสร้างได้ชัดเจนทุกอณู

8. จมูกสั้นเหิน รูปลักษณ์ภายนอก อาจสั้นจากกรรมพันธุ์ หรือเนื่องจากมีภาวะการอักเสบ ติดเชื้อ แล้วเกิดภาวะเนื้อเยื่อหดรั้ง สั้น เชิด หน้าตรงมักมองเห็นรูจมูกชัด วิธีการแก้ไข คือ การยืดความยาวของปลายมูกให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง และต้องเลือกเทคนิคในการยืดที่ถูกต้องด้วย เพราะหากใช้วัสดุสังเคราะห์มา ยืด ดัน ปลาย มากเกินไป อาจเกิดภาวะจมูกทะลุ เสี่ยงทะลุ ปลายแดง ปลายใส
เทคนิคที่เหมาะที่สุดสำหรับ จมูกสั้น คือ การยืดความยาวด้วยวัสดุในร่างกาย เช่น กระดูกแกนกลางจมูก กระดูกซี่โครงตัวเอง เนื่องจากมีความแข็งแรง ปลอดภัย ร่างกายไม่แอนตี้ และสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดอีกด้วย

9. จมูกปลายงุ้ม ปลายไม่ชูจุดเด่น เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของการมีองศาที่สวย แต่เมื่อจุดสูงสุด ดรอป ตก งุ้ม องศาจะเปลี่ยนแปลง เป็น จมูกทรงแข็ง ทันที วิธีการแก้ไข คือ ต้องยกปลายจมูกให้โด่ง พุ่ง ชูจุดเด่นเหนือจุดอื่นๆ
สโลแกนดังนี้ ปลาย>สัน>หัวตา โดยเทคนิคที่สามารถแก้ปัญหาได้นั้นมีหลายเทคนิคขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลว่างุ้มมาก-น้อยขนาดไหนนั่นเอง

10. จมูกคด รูปลักษณ์ภายนอกคือ มีความเอียง บิด งอ หรือในบางรายอาจเห็นไม่ชัดแต่มีภาวะต่อระบบภายใน เช่นการหายใจ นอนกรน หายใจมีเสียง ภูมิแพ้ ไซนัส เนื่องจากมีภาวะผนังกั้นจมูกคด ยิ่งหากมีการเสริมจมูก มักจะเจอปัญหาจมูกเอียงซ้ำซาก วิธีการแก้ไขที่ตรงจุด คือการแก้ไขโครงสร้าง ปรับโครงสร้างภายในให้ปกติก่อน แล้วค่อยพัฒนาสู่ความสวยงามภายนอก

จมูกบาน แก้ด้วยเทคนิคใดได้บ้าง?

1. ตัดปีก คือการตัดเนื้อปีกจมูกส่วนเกิน ที่กาง บาน กว้าง ทำให้ขาดความคมชัดในเรื่องทรง การตัดปีกจะช่วยให้ปีกจมูกเล็กลงทันที แต่เทคนิคนี้ ก็อาจต้องแลกมาด้วยรอยแผลเป็น และหากเป็นเคสที่โครงสร้างไม่แข็งแรง แล้วมีการเสริมซิลิโคนด้วย แม้ตัดปีกออกไป จมูกก็อาจมีความใหญ่ และแบะ เนื่องจากซิลิโคนกดทับปลายจมูกนั่นเอง

2. คล้องปีก คือ เทคนิคเฉพาะของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ในการเก็บปีกจมูกที่แบะบาน หรือกว้างเกินองศาให้แคบลง โดยไม่ต้องตัดปีก โดยแพทย์จะเย็บหุบปีก 2 ข้างให้แคบ เทคนิคนี้จะมีไหมเย็บที่ปีกจมูก 2 ด้าน ทั้งซ้ายและขวา เมื่อครบกำหนด 7-10 วัน หมอจะตัดไหมออก โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้กวนใจอีกต่อไป

คล้องปีกเหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ไม่ต้องการตัดเนื้อปีกจมูกทิ้ง เพราะกังวลเรื่องรอยแผลเป็น และกังวลเรื่องโหงวเฮ้ง
  • ผู้ที่ต้องการปลายจมูกพุ่งขึ้น เนื่องด้วยมีการเก็บฐานจมูกด้านล่าง จึงทำให้จมูกโด่งขึ้นอัตโนมัติ
  • ผู้ที่จมูกหนาและบานเป็นลูกชมพู่ ช่วยให้มีความคมชัดได้สัดส่วนมากขึ้น

3. แก้ไขโครงสร้างปลายไร้ซิลิโคน คือการเก็บปีกจมูกที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง เทคนิคนี้สามารถแก้ปัญหาปลายที่กลมใหญ่ ทู่ ให้ดีดโด่งเรียวขึ้น พร้อมทั้งสามารถแก้ปัญหาปีกจมูกที่บานให้แคบลงได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องตัดปีก ไม่ก่อให้เกิดรอยแผลเป็น และปลอดภัยขั้นสุดด้วย

Testimonial
รีวิวศัลยกรรมจมูก
FAQ คำถามที่พบบ่อย

การเสริมจมูก สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงที่กระดูกโครงสร้าง เจริญเติบโตเต็มที่ เมื่อทำศัลยกรรมแล้วรูปทรงที่ได้ ก็จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หากต้องการศัลยกรรมเสริมจมูก ผู้ปกครองควรรับรู้และอนุญาตให้เสริมจมูก

คนไข้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์แท้ที่สลาย 100 % แล้ว สามารถเสริมจมูกได้เลย กรณีที่ยังมีฟิลเลอร์อยู่ ควรฉีดสลายก่อน มิฉะนั้นขั้นตอนการเสริมจมูกแพทย์จะต้องขูดฟิลเลอร์ออกก่อนทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และห้ามรับประทานหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน เช่น อาหารหมักดองอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารเผ็ดร้อน รสจัดจ้านอาหารทะเล (บางคนมีอาการแพ้)และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การพักฟื้นหลังเสริมจมูกใช้ระยะเวลาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าใช้อะไรในการเสริมจมูก กรณีเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหรือซิลิโคนใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและหายเป็นปกติได้รูปทรงจมูกตามที่ต้องการเมื่อผ่านไป 3-6 เดือน

หลังเสริมจมูก สามารถใส่แว่นได้ แต่แนะนำให้ใส่หลังเสริมจมูกไปแล้ว 1 เดือนขึ้นไป เพื่อป้องกันแป็นจมูกของแว่นกดทับสันจมูก เพื่อลดโอกาสจมูกเบี้ยวเอียงในระหว่างที่ร่างกายกำลังฟื้นฟูตัวเอง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สนใจบริการ